Router จะมีพอร์ตหรือ
Interface ต่างๆ สำหรับติดตั้งสายสัญญาณเข้ากับ Router เพื่อใช้ในการกำหนดค่าการใช้งานและเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูล
ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นของ Routerโดยพอร์ตหรือ Interface ที่ควรทำความรู้จัก
ได้แก่
1. Ether Port
2. Serial Port
3. Console Port
4. Auxiliary Port
Interface บน Router จะมีชื่อเรียกที่ต่างกัน ซึ่ง Router ของ Cisco จะใช้อักษร E แทน Ethernet Port, F แทน Fast Ethernet Port, G แทน Gigabit Ethernet Port, S แทน Serial Port โดยมีตัวเลขต่อท้าย เช่น E0 หมายถึง Ethernet Port ที่หนึ่ง ส่วน S0 หมายถึง Serial Port ที่หนึ่ง ถ้า S1 คือ Serial Port ที่สอง เป็นต้น และเมื่อนำ Router 2 ตัว มาเชื่อมโยงกันระหว่างสองเครือข่าย คือ เครือข่ายของสำนักงาน A กับเครือข่ายของสำนักงาน B จะเกิดเครือข่ายขึ้นทั้งหมด 3 เครือข่าย ได้แก่
1. เครือข่ายสำนักงาน A ซึ่งเป็นเครือข่ายแลน ใช้ไอพีแอดเดรสคลาส C หมายเลขเครือข่าย 192.168.1.0 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.0 โดยนำไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.1.1 มากำหนดเป็นเกตเวย์ไว้บน Router A ที่พอร์ต E0
2. เครือข่ายสำนักงาน B ซึ่งเป็นเครือข่ายแลน ใช้ไอพีแอดเดรสคลาส C หมายเลขเครือข่าย 192.168.2.0 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.0 โดยนำไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.2.1 มากำหนดเป็นเกตเวย์ไว้บน Router B ที่พอร์ต E0
3. เครือข่ายของ Router ทั้งสองตัวซึ่งเป็นเครือข่ายแวน โดย Router A ถูกกำหนดไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.0.101 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.252 ไว้ที่พอร์ต S0 ส่วน Router B ถูกกำหนดไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.0.102 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.252 ไว้ที่พอร์ต S0
1. Ether Port
2. Serial Port
3. Console Port
4. Auxiliary Port
Interface บน Router จะมีชื่อเรียกที่ต่างกัน ซึ่ง Router ของ Cisco จะใช้อักษร E แทน Ethernet Port, F แทน Fast Ethernet Port, G แทน Gigabit Ethernet Port, S แทน Serial Port โดยมีตัวเลขต่อท้าย เช่น E0 หมายถึง Ethernet Port ที่หนึ่ง ส่วน S0 หมายถึง Serial Port ที่หนึ่ง ถ้า S1 คือ Serial Port ที่สอง เป็นต้น และเมื่อนำ Router 2 ตัว มาเชื่อมโยงกันระหว่างสองเครือข่าย คือ เครือข่ายของสำนักงาน A กับเครือข่ายของสำนักงาน B จะเกิดเครือข่ายขึ้นทั้งหมด 3 เครือข่าย ได้แก่
1. เครือข่ายสำนักงาน A ซึ่งเป็นเครือข่ายแลน ใช้ไอพีแอดเดรสคลาส C หมายเลขเครือข่าย 192.168.1.0 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.0 โดยนำไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.1.1 มากำหนดเป็นเกตเวย์ไว้บน Router A ที่พอร์ต E0
2. เครือข่ายสำนักงาน B ซึ่งเป็นเครือข่ายแลน ใช้ไอพีแอดเดรสคลาส C หมายเลขเครือข่าย 192.168.2.0 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.0 โดยนำไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.2.1 มากำหนดเป็นเกตเวย์ไว้บน Router B ที่พอร์ต E0
3. เครือข่ายของ Router ทั้งสองตัวซึ่งเป็นเครือข่ายแวน โดย Router A ถูกกำหนดไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.0.101 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.252 ไว้ที่พอร์ต S0 ส่วน Router B ถูกกำหนดไอพีแอดเดรสหมายเลข 192.168.0.102 ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.252 ไว้ที่พอร์ต S0
การเชื่อมโยง Router สองเครือข่าย
ก่อนการกำหนดค่าการใช้งานและเพิ่มเส้นทางข้อมูลลงใน Routing Table ของ Router ทั้งสองตัว คอมพิวเตอร์ในแต่ละเครือข่ายจะติดต่อหากันภายในเครือข่ายของตนเองเท่านั้น
แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลหรือติดต่อออกนอกเครือข่ายผ่าน Router ได้
เนื่องจากเครือข่ายทั้งหมดไม่ได้ใช้ไอพีแอดเดรสในซับเน็ตเดียวกัน
และยังไม่ได้กำหนดเส้นทางข้อมูลลงใน Routing Table ของ
Router ทั้งสองตัว หรือกล่าวง่ายๆ ว่า Router A และ B ยังไม่รู้จักเส้นทางข้อมูลใดๆ ดังนั้นเราต้องกำหนดเส้นทางข้อมูลลงใน
Routing Table ของ Router ทั้งสองตัว
Note:
ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.252
คือ
ซับเน็ตมาส์กที่ถูกแบ่งซับเน็ตเพื่อให้ใช้ไอพีแอดเดรสได้แค่สองหมายเลข
เนื่องจากไอพีแอดเดรสที่กำหนดบน Router ทั้งสองตัวที่พอร์ต S0
มีเพียงสองหมายเลข ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ซับเน็ตมาส์ก 255.255.255.0
ที่สามารถกำหนดไอพีแอดเดรสได้ถึง 254 หมายเลข
(ไม่รวมหมายเลขเครือข่ายและบรอดคาสต์แอดเดรสอีกสองหมายเลข
และยังเป็นการประหยัดไอพีแอดเดรสเพื่อนำไปกำหนดให้ Router เครือข่ายอื่นๆ
ส่วนการเชื่อมโยง Router ขององค์กรไปยัง Router ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะคัดสรรไอพีแอดเดรสสำหรับนำมากำหนดบน
Router ทั้งสองตัวที่พอร์ต S0 ให้เอง
Note:
พี่ครับ ถ้าผมเปลี่ยนจาก "...เนื่องจากเครือข่ายทั้งหมดไม่ได้ใช้ไอพีแอดเดรสในซับเน็ตเดียวกัน..."
ตอบลบเป็นไม่ได้ใช้ Gateway เดียวกัน ความหมายเหมือนกันมั้ยครับ