การที่จะตั้งค่ากำหนดให้แก่ Router ผู้ใช้จะต้องเชื่อมต่อเข้ามาที่ Router ผ่านส่วนเชื่อมต่อผู้ใช้ โดยใช้ terminal หรือเชื่อมตต่อมาจากทางไกลผ่านการเชื่อมต่อทางระบบเครื่องข่าย
เมื่อเข้ามาติดต่อกับ Router ถ้า Router มีการตั้งรหัสผ่านสำหรับเครื่อง
console หรือ Telnet เอาไว้
ผู้ใช้จะต้อง login เข้าสู่เครื่อง Router ก่อนที่จะสามารถออกคำสั่งใดๆ แก่ Router ได้
เพื่อวัตถุประสงค์นด้านการรักษาความปลอดภัย Router ได้แบ่งระดับการติดต่อเอาไว้เป็น 2 ระดับ
ดังนี้
1. User EXEC mode สำหรับงานทั่วไป เช่น การตรวจสอบการทำงานของ Router ในสถานะนี้ผู้ใช้จะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงค่ากำหนดใดๆ ได้
1. User EXEC mode สำหรับงานทั่วไป เช่น การตรวจสอบการทำงานของ Router ในสถานะนี้ผู้ใช้จะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงค่ากำหนดใดๆ ได้
Router>
Router>enable 2. Privileged EXEC mode สำหรับงานที่ต้องการเปลี่ยนแปลค่ากำหนดของ Router ในสถานะ การทำงานนี้ผู้ใช้จะสามารถควบคุม Router ได้ทุกอย่าง ตามที่ต้องการ
Router#
Router>disable
Router>
ถ้าผู้ใช้ต้องการที่จะใช้คำสั่งทั้งชุด ผู้ใช้ก็จะต้องเข้าสู่ privileged EXEC mode ที่เครื่องหมายตอนรับ “>” ให้พิมพ์คำสั่ง “enable” ขั้นต่อไปจะต้องป้อนรหัสผ่านที่ถูกตั้งไว้ด้วยคำสั่ง“enable secret” เมื่อการ login เสร็จสมบรูณ์แล้ว เครื่องหมายตอนรับจะเปลี่ยนไปเป็น “#” เพื่อเป็นการแสดงให้ทราบว่าขณะนี้ ผู้ใช้กำลังอยู่ในสถานะ privileged EXEC mode ถ้าไม่มีการตั้งรหัสผ่าน “enable secret” เอาไว้ก็จะต้องใช้รหัสผ่าน “enable password” แทน ในกรณีที่ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านไว้ทั้งสองกรณี การเข้าสู่สถานะ privileged EXEC mode ก็ทำได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านใดๆ เมื่อเข้าสู่สถานะนี้แล้ว ผู้ใช้จะสามารถตั้งค่ากำหหนดแบบ global configuration mode และอื่นๆ ได้ รวมทั้งการเชื่อมต่อต่อไปนี้
Interface: router(config-if)#
Subinterface: router(config-subif)#
Line: router(config-line)#
Router: (config-router)#
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น